วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

ความหมายของคำศัพท์ของนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา

Information (สารสนเทศ) หมายถึง ความรู้หรือข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ได้รับการประมวลแล้วและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
Cloud หมายถึง เป็นลักษณะของการทำงานของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ให้บริการใดบริการหนึ่งกับผู้ใช้ โดยผู้ให้บริการจะแบ่งปันทรัพยากรให้กับผู้ต้องการใช้งานนั้น

Cloud_computing

Teach หมายถึง สอน
Learning หมายถึง กระบวนการของประสบการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างค่อนข้างถาวร ซึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน
Century หมายถึง ศตวรรษซึ่งจะกล่าวถึงรอบ ๑๐๐ ปี โดยการนับเริ่มนับที่จุดใดนั้น มีความเห็นต่างกันเป็น ๒ อย่าง คือ กลุ่มหนึ่งถือว่าเริ่มจากปีที่ลงท้ายด้วย ๐๐ (อ่านว่า ศูนย์ ศูนย์) และจบลงที่ปีซึ่งลงท้ายด้วย ๙๙ (อ่านว่า เก้า เก้า) ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งถือว่าเริ่ม จากปีที่ลงท้ายด้วย ๐๑ (อ่านว่า ศูนย์ หนึ่ง) และจบลงที่ปีซึ่งลงท้ายด้วย ๐๐ (อ่านว่า ศูนย์ ศูนย์) เพราะฉะนั้น ศตวรรษที่ ๒๑ แห่งคริสต์ศักราชจึงเริ่มนับที่ ปี ๒๐๐๐ หรือ ๒๐๐๑ (อ่านว่า สองพันเอ็ด หรือ สองพันหนึ่ง) ตามความเห็นที่แตกต่างกันข้างต้น ทั้งนี้ในปัจจุบันเราอยู่ในศตวรรษที่เรียกว่า คริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ หรือ พุทธศตวรรษที่ ๒๖ 
Context (บริบท)หมายถึง ข้อความแวดล้อมที่ช่วยให้เข้าใจความหมาย

Animation หมายถึง ภาพเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นโดยการนำภาพนิ่งหลายๆ ภาพมาฉายต่อเนื่องกันด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดภาพลวงตาของการเคลื่อนไหว

Innovation (นวัตกรรม) หมายถึง การนำสิ่งใหม่ ๆ อาจเป็นแนวความคิด หรือ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อน หรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงจากของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัย และได้ผลดีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้ด้วย


Data (ข้อมูล) หมายถึง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของ สถานที่หรือเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งมีการเก็บรวบรวมเอาไว้ แต่ยังไม่มีการประมวลผล ซึ่งสามารถนำไปประมาลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ โดยข้อมูลอาจเป็นตัวเลข สัญลักษณ์ ตัวอักษร เสียง ภาพ เป็นต้น
Technology Skills หมายถึง ทักษะด้านเทคโนโลยี
 Life Skills  หมายถึง  ทักษะชีวิต อันประกอบด้วย ความรู้ เจตคติ และความสามารถ ในอันที่จะจัดการกับปัญหารอบ ๆ ตัวในสภาพสังคมทั่วไป ณ ปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับการปรับตัวในอนาคต
Evaluate หมายถึง การประเมินผล
Nature  หมายถึง ธรรมชาติ, ลักษณะที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ, หลักธรรมชาติ, สภาวะ
Service (บริการ) หมายถึง กระบวนการของการปฏิบัติเพื่อให้ผู้อื่นได้รับความสุข  ความสะดวก หรือความสบาย  ช่วยเหลือเกื้อกูล  เอื้ออาทร  มีน้ำใจไมตรี ให้ความเป็นธรรมและเสมอภาค

Education (การศึกษา) คือ กระบวนการการเรียนรู้ เพื่อกระตุ้นปัญญาให้เกิดการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ โดยไม่เดือดร้อนผู้อื่น โดยมีการแบ่งระดับชั้นการศึกษาตามวัยและระดับสติปัญญาของแต่ละบุคคล
Technology  (เทคโนโลยี) หมายถึง การนำความรู้ ทักษะ และทรัพยากรมาสร้างสิ่งของเครื่องใช้ หรือวิธีการโดยผ่านกระบวนการ เพื่อแก้ปัญหา สนองความต้องการ หรือเพิ่มความสามารถในการทำงานของมนุษย์

System (ระบบ) หมายถึง กลุ่มขององค์ประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อจุดประสงค์อันเดียวกัน
Computer (คอมพิวเตอร์) หมายถึง เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิส์มีการทำงานแบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อนตามคำสั่งของโปรแกรม เครื่องคอมพิวเตอร์มีอุปกรณ์ทีสามารถทำงานได้ 3 อย่าง คือ รับข้อมูล ประมวลผล และแสดงผล

Processing หมายถึง กระบวนการประมวลผล เรียกสั้นๆ ว่า "Process" 


Position หมายถึง ตำแหน่ง
Product หมายถึง ผลิตภัณฑ์
Learning by doing หมายถึง การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ คือ ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยการลงมือทำด้วยตนเอง ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง โดยมีคุณครูคอยชี้แนะอยู่ห่างๆ


Graphic หมายถึง  การสื่อความหมายด้านการใช้ภาพวาด ภาพสเกต แผนภาพ การถ่ายภาพ และอื่นๆ ที่ต้องอาศัยศิลปะ เข้ามาช่วยเพื่อทำให้ผู้ดูเกิดความคิดและการตีความหมายได้ตรงตามที่ผู้ส่งสารต้องการ เช่น แผนภูมิ แผนภาพ



Hardware หมายถึง อุปกรณ์ที่ต่อขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถจับต้องได้ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น คีย์บอร์ด เมาท์ CPU 




Arithemetics   หมายถึง  เกี่ยวกับเลขคณิต
Flipped Classroom   หมายถึง  ห้องเรียนกลับด้าน คือ ผู้เรียนจะเรียนรู้ที่บ้าน เรียนรู้ด้วยตนเอง หรือวิดีโอการสอนจากครู และนำการบ้านมาทำที่โรงเรียน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ





Mental model building หมายถึง การอบรมบ่มนิสัย หรือการปลูกฝังความเชื่อหรือค่านิยมในถ้อยคำเดิมของเรา แต่ในความหมายข้อนี้เป็นการเรียนรู้วิธีการนำเอาประสบการณ์มาสั่งสมจนเกิดเป็นกระบวนทัศน์ (หรือความเชื่อ ค่านิยม) และที่สำคัญกว่านั้นคือ สั่งสมประสบการณ์ใหม่ เอามาโต้แย้งความเชื่อหรือค่านิยมเดิม ทำให้ละจากความเชื่อเดิม  หันมายึดถือความเชื่อหรือกระบวนทัศน์ใหม่


Internal Motivation หมายถึง แรงจูงใจภายใน คือสิ่งที่อยู่ภายในตัวบุคคลที่ผลักดันให้กระทำสิ่งต่างๆตามเจตคติ ความสนใจ ของตัวบุคคลนั้น
Child center หมายถึง นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้



Process  หมายถึง  กระบวนการ
Engineering   หมายถึง  วิศวกร, ช่าง
Inventor   หมายถึง  นักประดิษฐ์
Teach less, Learn more  หมายถึง  สอนน้อย เรียนรู้มาก
Inspiration  หมายถึง  แรงบันดาลใจ แรงที่กระตุ้นให้บุคคลอยากจะเรียนรู้ อยากจะกระทำสิ่งต่างๆที่ตนสนใจ
Development (การพัฒนา) คือ การทำให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เจริญขึ้น
Essential หมายถึง เฉพาะส่วนสำคัญ แก่นเรื่อง
Creativity   หมายถึง  การคิดสร้างสรรค์ คือ การคิดในแบบแปลกใหม่หรือต่อยอดจากเดิม โดยนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม และมีประโยชน์ มีคุณค่า




Authentic Learning   หมายถึง  การเรียนการสอนจะเน้นที่การปฏิบัติจริง การร่วมมือกันทำงาน การคิดอย่างมีจารณญาณ การแก้ปัญหา  การฝึกทักษะต่าง ๆ ที่เป็นการสร้างทักษะชีวิตให้กับตนเอง 




Skill หมายถึง ทักษะ
Integrate  หมายถึง  การบูรณาการเชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อเกิดความรู้แปลกใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

Project based learning  หมายถึง  การเรียนรู้โดยการทำงานเป็นกลุ่ม
Multiple intelligence   หมายถึง  ทฤษฎีพหุปัญญา  เป็นการอธิบายความสามารถของสมองมนุษย์แต่ละคนว่า สามารถแสดงศักยภาพด้านใดออกมาบ้าง



Define หมายถึง นิยาม คำจำกัดความ
Visual learner   หมายถึง  ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านทางจักษุ คือ คนที่โดยปกติแล้วเขาจะมีความสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่เขาเห็นด้วยกับตา นักเรียนกลุ่มนี้จะเลือกที่นั่งแถวหน้า โดยผู้เรียนในกลุ่มนี้จะมีแนวโน้มที่จะอธิบายทุกปรากฏการณ์ที่พวกเขาเห็น นักเรียนกลุ่มนี้จะชอบสื่อการสอนประเภท ภาพ แผนภูมิ แผนที่และกราฟ
Core   หมายถึง  แกนกลาง ศูนย์กลาง หรือหน่วยความจำคอมพิวเตอร์
Inquiry-based   หมายถึง  การจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ เป็นวิธีการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการใช้ค าถามกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาอย่างมีระบบระเบียบ ผู้เรียนจะได้ความรู้จากการคิดสืบสวนสอบสวน และได้เรียนรู้กระบวนการแก้ปัญหาไปด้วยพร้อมๆ กัน



 E-commerce   หมายถึง  พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ โอนเงินผ่านมือถือ
 Creativity and Innovation   หมายถึง  ความคิดสร้างสรรค์กับนวัตกรรม กล่าวคือ ความคิดสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

การศึกษา 21st century

การเรียนรู้ที่แท้จริง
อยู่ในโลกจริงหรือชีวิตจริง
การเรียนวิชาในห้องเรียน
ยังเป็นการเรียนแบบสมมติ
"ดังนั้นครูเพื่อศิษย์จึงต้องออกแบบการเรียนรู้ให้ศิษย์"
ได้เรียนในสภาพที่ใกล้เคียงที่สุด

ลักษณะของศิษย์ในศตวรรษที่ 21
   1.มีอิสระที่จะเลือกในสิ่งที่ตนเองพอใจ
   2.ต้องการดัดแปลงสิ่งต่างๆให้ตรงตามความต้องการและความพอใจของตน
   3.ตรวจสอบหาความจริงเบื้องหลัง
   4.เป็นตัวของตนเองและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
   5.เรียนรู้ชีวิตทางสังคม
   6.การร่วมมือและความสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของทุกกิจกรรม
   7.ต้องการความเร็วในการสื่อสาร หาข้อมูล และตอบคำถาม
   8.สร้างนวัตกรรมต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
หลักการหรือปัจจัยสำคัญด้านการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
   - Authentic learning การเรียนรู้ขึ้นอยู่กับบริบทหรือสภาพแวดล้อมในขณะเรียนรู้
   - Mental model building  วิธีการเรียนรู้โดยการสั่งสมประสบการณ์
   - Internal motivation การรับรู้ที่แท้จิง ขับดันด้วยฉันทะ
   - Multiple Intelligence จัดการเรียนรู้โดยคำนึงถึงความต่างของเด็กแต่ละคน
   - Social learning การเรียนรู้เป็นกิจกรรมของสังคม

ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills)
ครูต้องไม่สอน แต่ต้องออกแบบการเรียนรู้
และอำนวยความสะดวก (facilitate)
การเรียนรู้ ให้นักเรียนเรียนรู้จาก
การเรียนแบบลงมือทำ หรือปฏิบัติ
แล้วการเรียนรู้ก็จะเกิดจากภายในใจและ
สมองของตนเอง การเรียนรู้แบบนี้เรียกว่า
PBL (Project-Based Learning)
ความเข้าใจบทบาทของการศึกษา
1.เพื่อการทำงานและเพื่อสังคม
2.เพื่อฝึกฝนสติปัญญาของตน
3.เพื่อทำหน้าที่พลเมือง
4.เพื่อสืบทอดจารีตและคุณค่า
ทักษะครูเพื่อศิษย์ไทย
   - ครูจึงต้องยึดหลัก “สอนน้อย เรียนมาก” คือ ต้องมีทักษะในการ “จุดไฟ” ในใจศิษย์ ให้รักการเรียนรู้ ให้สนุกกับการเรียนรู้ และกระตุ้นให้อยากเรียนรู้ต่อไปตลอดชีวิต
   - “ก้าวข้ามสาระวิชา” ไปสู่การเรียนรู้
   - ช่วยออกแบบกิจกรรมและการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนได้ค้นคว้าด้วยตนเอง
ทักษะเพื่อการดำรงชีวิต
สาระวิชาหลัก
   • ภาษาแม่ และภาษาโลก
   • ศิลปะ
   • คณิตศาสตร์
   • เศรษฐศาสตร์
   • วิทยาศาสตร์
   • ภูมิศาสตร์
   • ประวัติศาสตร์
   • รัฐ และความเป็นพลเมืองดี
หัวข้อสำหรับศตวรรษที่ ๒๑
   • ความรู้เกี่ยวกับโลก
   • ความรู้ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ
   • ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองดี
   • ความรู้ด้านสุขภาพ
   • ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี

ทักษะชีวิตและอาชีพ
ศาสตราใหม่สำหรับครูเพื่อศิษย์
3R  - Reading (อ่านออก)
       - (W)Riting (เขียนได้)
       - (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)
7C  - Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแกปัญหา)
       - Creativity & innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
       - Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
       - Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
       - Communications, information & media literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ)
       - Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
       - Career & learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)
พัฒนาสมองห้าด้าน
1. สมองด้านวิชาและวินัย (disciplined mind)
2. สมองด้านสังเคราะห์ (synthesizing mind)
3. สมองด้านสร้างสรรค์ (creating mind) คิดนอกกรอบ
4. สมองด้านเคารพให้เกียรติ (respectful mind)
5. สมองด้านจริยธรรม (ethical mind)
ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
การเรียนรู้ทักษะในการเรียนรู้
   - การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) และการแก้ปัญหา(problem solving)
   - การสื่อสาร (communication) และความร่วมมือ (collaboration)
   - ความริเริ่มสร้างสรรค์ (creativity) และนวัตกรรม (innovation)
ขั้นตอนการเรียนรู้
   - จำได้ (remember)
   - เข้าใจ (understand)
   - ประยุกต์ใช้ (apply)
   - วิเคราะห์ (analyze)
   - ประเมิน(evaluate)
   - สร้างสรรค์ (create)
ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
    - การเรียนแบบ PBL
    - เน้นการตั้งคำถามมากกว่าการหาคำตอบ
    - ต้องเรียนเองโดยการฝึกฝน
ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร
      ทักษะด้านสารสนเทศ   - ทักษะในการเข้าถึง
                                            - ทักษะในการประเมินความน่าเชื่อถือ
                                            - ทักษะในการใช้อย่างสร้างสรรค์
                                            - เข้าถึงสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
      ทักษะด้านสื่อ  - ด้านรับสารจากสื่อ
                              - ด้านสื่อสารออกไปยังสาธารณะ
      ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร   - ใช้เทคโนโลยีเพื่อวิจัย
                                                                                     - ใช้เครื่องมือสื่อสาร
                                                                                     - ปฏิบัติตามคุณธรรมและกฎหมาย
ทักษะด้านความเป็นนานาชาติ
     - การเรียนแบบ PBL
     -  ครูต้องศึกษาวัฒนธรรมต่างประเทศ
ทักษะอาชีพและทักษะชีวิต
     - ความยืดหยุ่นและการปรับตัว
     - การมีผลงานและความรับผิดชอบ ตรวจสอบได้

แนวคิดการเรียนรู้สำหรับครูเพื่อศิษย์
สมดุลใหม่ในการทำหน้าที่ครูเพื่อศิษย์
ขึ้นกับครู/ครูเป็นตัวตั้ง(Teacher-directed)   เด็กเป็นหลัก(Leamer-centered)
                                สอน                                                      แลกเปลี่ยนเรียนรู้
                                ความรู้                                                  ทักษะ
                                เนื้อหา                                                  กระบวนการ
                                ทักษะพื้นฐาน                                       ทักษะประยุกต์
                                ข้อความจริงและหลักการ                     คำถามและปัญหา
                                ทฤษฎี                                                  ปฏิบัติ
                                หลักสูตร                                              โครงการ
                                ช่วงเวลา                                               ตามความต้องการ
                                เหมือนกันทั้งห้อง (One-size-fits-all)   เหมาะสมรายบุคคล (Personalized)
                                แข่งขัน                                                 ร่วมมือ
                                ห้องเรียน                                              ชุมชนทั่วโลก
                                ตามตำรา                                              ใช้เว็บ
                                สอบความรู้                                           ทดสอบการเรียนรู้
                                เรียนเพื่อโรงเรียน                                 เรียนเพื่อชีวิต
สอนน้อย เรียนมาก
-PLC - professional learning communities คือ กระบวนการสร้างครูเพื่อศิษย์
-สอนน้อย คือ สอนเท่าที่จำเป็น ครูต้องรู้ว่าตรงไหนควรสอน ตรงไหนไม่ควรสอนเพราะเด็กเรียนได้เอง
การเรียนรู้และการสอน
    - ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกเป็นนักตั้งคำถาม
    - เรียนวิชา STEM คือ Science, Technology, Engineering และ Mathematics
การเรียนรู้อย่างมีพลัง
    - จักรยานแห่งการเรียนรู้
    - เครือข่ายเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์
    - Plan คือ การวางแผนการทำงานในโครงการ
    - นักเรียนต้องได้เรียนแบบ PBL (Project-Based Learning)
    - นักเรียนจะเรียนได้ดีหากได้รับการสอนเรื่อง how to learn และ what to learn
    - การเรียนกลุ่มย่อยแบบร่วมมือกัน (Collaborative Small-Group Learning)
ครูเพื่อศิษย์ชี้ทางแห่งหายนะที่รออยู่เบื้องหน้า
   - ครูเป็นผู้ชี้แนะแนวทาง
   - จัดระดมความคิด
   - จัดสถานการจำลอง

จิตวิทยาการเรียนรู้สำหรับครูเพื่อศิษย์
สมดุลระหว่างความง่ายกับความยาก
   ความจริงเกี่ยวกับการคิด ๓ ประการ ที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อเดิมได้แก่
1. การคิดทำได้ช้า
2. การคิดนั้นยาก ต้องใช้ความพยายามมาก
3. ผลของการคิดนั้นไม่แน่ว่าจะถูกต้อง
   ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องคือ “ความจำใช้งาน” (working memory) กับ
“ความจำระยะยาว” (longterm memory)
ความคิดกับความรู้เกื้อกูลกัน
   - หน้าที่สำคัญที่สุดของครูคือ การสร้างแรงบันดาลใจใคร่เรียนรู้ หรือจุดไฟของความใคร่เรียนรู้ขึ้นในใจหรือในสมองเด็ก
   - ออกแบบการเรียน ให้เด็กได้ฝึกการคิดกับการจำไปพร้อม ๆ กัน
เพราะคิดจึงจำ
    - ผู้เรียนซึมซับเข้าไปไว้ในความจำ
      ครูที่เก่งมีคุณลักษณะสำคัญ 2 ด้าน  
1. รักเอาใจใส่เด็ก    
2. สามารถออกแบบการเรียนรู้ ให้น่าสนใจและเข้าใจง่าย
ความเข้าใจคือความจำจำแลง สู่การฝึกตนฝนปัญญา
      การฝึกทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ทักษะพื้นฐานทางการเขียน มีประโยชน์ ดังนี้
            1. ได้ทักษะคิดลึก และได้ความรู้ที่ลึก
            2. ป้องกันการลืม
            3. ช่วยการนำไปใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ (transfer)
      การฝึกฝนมีเป้าหมาย 2 ระดับ  
- ระดับแรก คือ ให้พอทำเป็น (minimum competence)
- ระดับที่ 2 คือ ให้ชำนาญ (proficiency)
ฝึกฝนจนเหมือนตัวจริง
คนหัดใหม่มีวิธีทำให้ตนเองคิดแบบผู้เชี่ยวชาญด้วย 4 กลไก ได้แก่
1. เพิ่มต้นทุนความรู้ (background knowledge หรือ longterm memory) และจัดระบบไว้อย่างดี ให้พร้อมใช้ (เรียกว่า functional knowledge) ดึงเอาไปใช้ตรงตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
2. ฝึกฝนตนเองให้มีความสามารถใช้พื้นที่ความจำใช้งานที่มีจำกัดในการคิดได้มากและซับซ้อนขึ้น
3. ฝึกคิดแบบลึก (deep structure) หรือแบบ functional หรือคิดตีความหาความหมาย (meaning) ไม่ใช่คิดแบบตื้น (surface structure) ตามที่ตาเห็น
4. คุยกับตัวเองว่า กำลังขบปัญหาอะไรอยู่ ในลักษณะของการมองแบบนามธรรม หรือแบบสรุปรวบยอด (generalization) และตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการแก้ปัญหานั้นไปในตัว
สอนให้เหมาะต่อความแตกต่างของศิษย์
   นักเรียนมีความแตกต่าง 3 แนว ได้แก่
1. ความสามารถทั่วไปในการเรียนรู้ อาจเรียกว่าเด็กฉลาด เด็กหัวไวเด็กหัวช้า
2. รูปแบบการเรียน ตามทฤษฎีมีผู้เรียนแบบเน้นจักษุประสาท แบบเน้นโสตประสาท และแบบเน้นการเคลื่อนไหว (Visual, Auditory, and Kinesthetic Learners Theory)
3. ความฉลาด 8 ด้าน ตามทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences)
ช่วยศิษย์ที่เรียนอ่อน
   - การให้คำชม
   - จงอย่าชมความสามารถ ให้ชมความมานะพยายาม เพื่อทำให้สิ่งที่มีคุณค่าคือ ความมานะพยายาม คือความสำเร็จที่ได้มาจากความบากบั่นเอาชนะอุปสรรค
   - จงอย่าชื่นชมความสำเร็จที่ได้มาโดยง่าย
   - จงชื่นชมพรแสวงของศิษย์ให้มากกว่าพรสวรรค์
ฝึกฝนตนเอง
   ครูที่ดีต้องเรียนรู้เคี่ยวกรำฝึกฝนตนเองตลอดชีวิตการเป็นครู และเรียนรู้จากการปฏิบัติหน้าที่ครู ด้วยหลัก 3 ประการคือ
(1) มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาการทำหน้าที่ครู
(2) หาผลลัพธ์ที่สะท้อนกลับมา (feedback) เพื่อทบทวนไตร่ตรอง (reflection) การจัดการเรียนรู้ของตนเอง อันจะนำไปสู่การปรับปรุงการทำหน้าที่ครูอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
(3) ลงมือปรับปรุงตนเอง
เปลี่ยนมุมความเชื่อเดิมเรื่องการเรียนรู้

บันเทิงชีวิตครูสู่ชุมชนการเรียนรู้131
กำเนิดอานิสงฆ์ของ PLC
   การศึกษาต้องเปลี่ยนจากเน้นการสอน (ของครู) มาเป็นเน้นการเรียน (ของนักเรียน)
ครูเปลี่ยนจากการบอกเนื้อหาสาระ มาเป็นทำหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจ
PLC คือเครื่องมือที่จะช่วยนำไปสู่การตั้งโจทย์และทำ “วิจัยในชั้นเรียน”
หักดิบความคิด
   PLC เป็นกิจกรรมที่ซับซ้อน (complex) มีหลากหลายองค์ประกอบจึงต้องนิยามจากหลายมุม โดยมีแง่มุมที่สำคัญต่อไปนี้  
   - เน้นที่การเรียนรู้
   - มีวัฒนธรรมร่วมมือกันเพื่อการเรียนรู้ของทุกคน ทุกฝ่าย
   - ร่วมกันตั้งคำถามต่อวิธีการที่ดี และตั้งคำถามต่อสภาพปัจจุบัน
   - เน้นการลงมือทำ
   - มุ่งพัฒนาต่อเนื่อง
   - เน้นที่ผล (หมายถึง ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ของศิษย์)
ความมุ่งมั่นที่ชัดเจนและทรงคุณค่า
         บัญญัติ 7 ประการ ให้หาทางดำเนินการเพื่อจัดการการเปลี่ยนแปลง
            1. หาทางจัดโครงสร้างและระบบเพื่อหนุนการเดินทางหรือขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
            2. สร้างกระบวนการวัดเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว และทำความเข้าใจเรื่องสำคัญ
            3. เปลี่ยนแปลงทรัพยากรเพื่อสนับสนุนสิ่งสำคัญ
            4. ถามคำถามที่ถูกต้อง
            5. ทำตัวเป็นตัวอย่างในเรื่องที่มีคุณค่า
            6. เฉลิมฉลองความก้าวหน้า
            7. เผชิญหน้ากับผู้ต่อต้านเป้าหมายร่วมของคณะครู
ระบบช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนอ่อนนี้มีลักษณะเป็นไปตามตัวย่อว่า SPEED
             - Systematic (ทำเป็นระบบ) หมายถึง มีการดำเนินการเป็นระบบทั้งโรงเรียน ไม่ใช่เป็นภาระของครูประจำชั้นแต่ละคน และมีการสื่อสารเป็นลายลักษณ์อักษร (ใคร ทำไม อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร) ไปยังทุกคน ได้แก่ ครู (ทีมของโรงเรียน) พ่อแม่ และนักเรียน
             - Practical (ทำอย่างเหมาะสม) การดำเนินการช่วยเหลือเป็นไปได้ตามทรัพยากรที่มีอยู่ของโรงเรียน (เวลา พื้นที่ ครู และวัสดุ) และดำเนินการได้ต่อเนื่องยั่งยืน ทั้งนี้ ไม่ต้องการทรัพยากรใด ๆ เพิ่ม แต่ต้องมีการจัดการทรัพยากรเหล่านั้นแตกต่างไปจากเดิม นี่คือ โอกาสสร้างนวัตกรรมในการจัดการทรัพยากรของโรงเรียน
             - Effective (ทำอย่างได้ผล) ระบบช่วยเหลือต้องใช้ได้ผลตั้งแต่เริ่มเปิดเทอม มีเกณฑ์เริ่มเข้าระบบและออกจากระบบที่ยืดหยุ่นเพื่อให้เหมาะสมสำหรับช่วยเหลือนักเรียนที่แตกต่างกัน และเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่ได้ผลดีแก่นักเรียนทุกคน
             - Essential (ทำส่วนที่จำเป็น) ระบบช่วยเหลือต้องทำแบบมุ่งเน้นที่ประเด็นเรียนรู้สำคัญตามผลลัพธ์ของการเรียนรู้ (Learning Outcome) ที่กำหนดโดยการทดสอบทั้งแบบประเมินเพื่อพัฒนา (formative assessment)และ แบบประเมินได้-ตก (summative assessment )
             - Directive (ทำแบบบังคับ) ระบบช่วยเหลือต้องเป็นการบังคับ ไม่ใช่เปิดให้นักเรียนสมัครใจ ต้องดำเนินการในเวลาเรียนตามปกติ ครูหรือพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ขอยกเว้นให้แก่นักเรียนคนใด

เรื่องเล่าตามบริบท :จับความจากยอดครูมาฝากครูเพื่อศิษย์
เรื่องเล่าของครูฝรั่ง
   -เตรียมทำการบ้านเพื่อการเป็นครู
   -ให้ได้ความไว้วางใจจากศิษย์
   -สอนศิษย์กับสอนหลักสูตร แตกต่างกัน
   -ถ้อยคำที่ก้องอยู่ในหูเด็ก
   -เตรียมตัว เตรียมตัว และเตรียมตัว
   -จัดเอกสารและเตรียมตนเอง
   -ทำสัปดาห์แรกให้เป็นสัปดาห์แห่งความประทับใจ
   -เตรียมพร้อมรับ “การทดสอบครู” และสร้างความพึงใจแก่ศิษย์
   -วินัยไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ
   -สร้างนิสัยรักเรียน
   -การอ่าน
   -ศิราณีตอบปัญหาครูและนักเรียน
   -ประหยัดเวลาและพลังงาน
   -ยี่สิบปีจากนี้ไป

เรื่องเล่าโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา
   -วิธีการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑
   -เคาะกระโหลกด้วยกะลา(AAR จากการเปิดรับ tacit และ explicit knowledgeจากโรงเรียนนอกกะลา)
   -ความสำเร็จทางการศึกษา
เราควรตีค่าความสำเร็จทางการศึกษาจากสิ่งใด เป็นคำถามที่ทุกคนต้องใคร่ครวญซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้แน่ชัดว่าเป้าหมายนั้นไม่ได้เป็นไปเพียงเพื่อสนองความต้องการของผู้ใหญ่เท่านั้น หรือไม่ได้ทำไปเพื่อเด็กคนใดคนหนึ่งอย่างโดด ๆ เราต้องมองเป้าหมายที่เป็นความจำเป็นจริง ๆ ต่อเด็กและต่อโลกในอนาคตและยังต้องคำนึงถึงความเป็นองค์รวมของเป้าหมายทั้งหมดเพื่อให้แต่ละคนได้สมบูรณ์พร้อมตามศักยภาพแห่งตน ดำเนินชีวิตไปได้อย่างมีคุณค่าและปีติสุข ที่
ผ่านมาความกระหายใคร่รู้ทำให้เราเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมมากขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในการหล่อหลอมเป็นความเชื่อใหญ่ของผู้คนให้เข้าใจว่า การศึกษาคือการสั่งสมความรู้ จึงส่งผลให้เราให้ความสำคัญกับการสอนความรู้ วัดผลจากความรู้ และ
ตีค่าความสำเร็จโดยนัยจากความรู้ ทั้งที่ทุกคนรู้ดีว่าแท้ที่จริงเราต้องการให้ผู้คนดีงาม อยู่กันอย่างสงบ สันติ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความสุข

เรื่องเล่าของโรงเรียนนอกกระลาบางส่วนจากบันทึกของ ครูใหญ่วิเชียร ไชยบังโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา
   -ความสำเร็จทางการศึกษา
   -ความฉลาดทางด้านร่างกาย (Physical Quotient)
   -ความฉลาดทางด้านสติปัญญา
   -ทำไมต้องเรียนคณิตศาสตร

เรื่องเล่าของโรงเรียนเพลินพัฒนาบางส่วนจาก ครูวิมลศรี ศุษิลวรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการจัดการเรียนรู้ โรงเรียนเพลินพัฒนา
   -การยกคุณภาพชั้นเรียน ๑
   -การยกคุณภาพชั้นเรียน ๒
   -เรียนรู้จากจำนวน และ ตัวเลข
   -การ “เผยตน” ของฟลุ๊ค

มองอนาคต ปฏิรูปการศึกษาไทย
แรงต้านที่อาจต้องเผชิญ
     1. นโยบายการศึกษายังเป็นนโยบายสำหรับยุคอุตสาหกรรม เน้น mass education และเน้นประสิทธิภาพซึ่งเคยใช้ได้ผล แต่บัดนี้ตกยุคเสียแล้ว
     2. ระบบตรวจสอบและระบบวัดผลแบบทดสอบตามมาตรฐาน (standardized testing systems) ที่เน้นวัดความสามารถด้านทักษะพื้นฐานเช่นการอ่าน การคิดเลข แต่ไม่วัดทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑
     3. แรงเฉื่อยหรือความคุ้นเคยกับระบบการสอนแบบครูบอกเนื้อหาวิชาให้นักเรียนจดจำ ที่ทำต่อ ๆ กันมาหลายสิบปีหรือเป็นร้อยปี แม้จะมีครูจำนวนหนึ่งเปลี่ยนไปแล้ว คือเปลี่ยนไปทำหน้าที่ช่วยเหลือเด็กให้สร้างและประยุกต์ใช้ความรู้ผ่านการค้นพบ การสำรวจ และการเรียนจากโครงงาน (PBL - Project Based Learning)
     4. ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมพิมพ์จำหน่ายตำราเรียน
     5. ความหวั่นกลัวว่าความรู้เชิงทฤษฎีจะถูกละเลย หันไปให้ความสำคัญต่อทักษะมากเกินไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความรู้ ๒ แนวนี้ต้องเกื้อกูล (synergy) ซึ่งกันและกัน
     6. อิทธิพลของพ่อแม่ที่ยึดติดกับการเรียนแบบดั้งเดิมที่ตนเคยเรียนมาและทำให้ตนประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน จึงอยากให้ลูกหลานได้เรียนตามแบบที่ตนเคยเรียน สอบข้อสอบที่ตนเคยสอบ และรู้สึกไม่สบายใจที่โรงเรียนทดลองวิธีการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ตนไม่คุ้นเคย และอาจทำให้ลูกหลานของตนไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
     1. ยกเลิกระบบการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งของครู (คศ.) ที่ใช้ในปัจจุบัน คือให้ “ทำผลงาน” ในกระดาษ และมีการติววิธีทำผลงาน เปลี่ยนมาเป็นเลื่อนตำแหน่งเมื่อผลสัมฤทธิ์ของลูกศิษย์ได้ผลดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการทดสอบระดับชาติ ๓ ปีติดต่อกัน จนได้ผลในระดับผ่านเกินร้อยละ๙๐ ของจำนวนเด็กนักเรียนทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ต้องมีการทดสอบระดับชาติในทุกชั้น
     2. มีเป้าหมายและยุทธศาสตร์เพิ่มผลสัมฤทธิ์ของศิษย์ทั้งโรงเรียน หรือทั้งเขตการศึกษา แล้วคณะครูและทุกฝ่ายช่วยกันดำเนินการ เน้นที่การมี PLC ระดับโรงเรียน ระดับเขตการศึกษา และระดับประเทศ เมื่อนักเรียนทั้งโรงเรียน หรือทั้งเขตการศึกษาสอบ National Education Test (NET) ผ่านเกินร้อยละ ๙๐ ก็ได้รับรางวัลทั่วทั้งโรงเรียน หรือทั่วทั้งเขตการศึกษา
     3. ปราบปรามคอรัปชั่นเรียกเงินในการบรรจุหรือโยกย้ายครู นี่เป็นความชั่ว ที่บ่อนทำลายระบบการศึกษาไทย ต้องมีมาตรการตรวจจับและลงโทษรุนแรง
     4. แบ่งเงินลงทุนเพิ่มด้านการศึกษา ครึ่งหนึ่งไปไว้สนับสนุนการเรียนรู้ของครูประจำการในลักษณะการเรียนรู้ในการทำหน้าที่ครู ที่เรียกว่า PLC (Professional Learning Community) ซึ่งเน้นที่การเรียนรู้ (learning) ของครู ไม่ใช่เน้นที่ การฝึกอบรม (training) และเน้นการเรียนรู้เป็นกลุ่มเพื่อให้ครูจับกลุ่มช่วยเหลือกัน
     5. จัดงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประจำปี ด้านการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน
     6. ยกระดับข้อสอบ National Education Test (NET) ให้ทดสอบการคิดที่ซับซ้อน (complex thinking) และทักษะที่ซับซ้อน (complex skills) ตามแนวทางทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑
     7. ส่งเสริมการเรียนแบบ Project-Based Learning (PBL) โดยส่งเสริมให้มี PLC ของครูที่เน้นจัดการเรียนรู้แบบ PBL ให้รางวัลและยกย่องครูที่จัด PBL ได้เก่ง

การศึกษา 21st Century

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

อิเทอร์เน็ต(Internet)
เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Network Computer System) ที่ใหญ่ที่สุด เกิดจากการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมากมายในโลกเข้าด้วยกัน เช่นเครือข่ายแลน เครือข่ายของเครื่องมินิหรือเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ แต่ละเครือข่ายจะต้องมีเครื่องแม่ข่าย(Server) ที่เรียกว่า โฮสต์(Host) คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารกับผู้ใช้บริการ


ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
                 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้รวดเร็ว  มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันโดยผ่านสายสื่อสาร  ซึ่งเราเรียกว่า  การเชื่อมต่อแบบเครือข่าย (Network) ถ้าต่อเชื่อมกันใกล้ ๆ ในพื้นที่เดียวกันเรียกว่า LAN (Local Area Network) ถ้าการเชื่อมต่อเครือข่ายทางภูมิศาสตร์ที่ใหญ่ขึ้นกว่า LAN เรียกว่า MAN (Metropolitan Area Network) ถ้าเชื่อมต่อกันไกล ๆเช่น ข้ามประเทศเรียกว่า WAN (Wide Area Network)

องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
   
 องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หมายถึง ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายระดับโลกเป็นเครือข่ายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์จำนวนมาก จึงมีรูปแบบการเชื่อมโยงข้อมูลเฉพาะของตนเององค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
มี 5 ส่วนดังนี้
1.ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้างอื่น ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ กล้องดิจิทัล และลำโพงเป็นต้น คอมพิวเตอร์จะต้องมีคุณสมบัติพร้อมสำหรับการเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่าย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 
1.1 คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) หรือ โฮสต์ (Host) ได้แก่ คอมพิวเตอร์ศูนย์กลางทำหน้าที่ให้บริการข้อมูล และประมวลผลข้อมูลที่รับมาจากคอมพิวเตอร์อื่น ๆ โดยทั่วไปต้องเป็นเครื่องคุณภาพสูง เพื่อรองรับการถ่ายโอนข้อมูล จำนวนมาก
1.2 คอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Client) ได้แก่ คอมพิวเตอร์ทั่วไปที่รับ-ส่งข้อมูลมากจากเครื่องแม่ข่าย อาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ เครื่องโน๊ตบุ๊ค เครื่องแลปท็อป ฯลฯ ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วไป ก็จัดเป็นเครื่องลูกข่ายทั้งสิ้น

2. ตัวกลางและอุปกรณ์การสื่อสาร (Communication Device) หมายถึงอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อระหว่าง คอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือส่วนกลางกับคอมพิวเตอร์ลูกข่าย เป็นช่องทางสำหรับการรับ-ส่งข้อมูล ประกอบด้วย
2.1 โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนรูปแบบสัญญาณข้อมูล   ระหว่างอะนาล็อกและดิจิทัล ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลของโมเด็มมีหน่วยเป็นบิตต่อนาที (bps) โมเด็มที่มีอัตราความเร็วบิตต่อนาทีสูง เช่น 512 mbps  จะรับ-ส่งข้อมูลได้ดีกว่าโมเด็มขนาด 128 mbps
2.2 สายโทรศัพท์ (Telephone) หมายถึง ระบบโทรศัพท์ทั่วไปซึ่งสามารถนำเอาสายสัญญาณเสียบเข้ากับช่องสำหรับเสียบสายเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์
2.3 สายใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) เป็นสายสัญญาณอีกชนิดหนึ่งที่ทำจากเส้นใยพิเศษที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ดีกว่าสายโทรศัพท์ทั่วไป
2.4 คลื่นวิทยุและดาวเทียม (Microwave and Satellite) เป็นระบบการสื่อสารโดยใช้คลื่นวิทยุและคลื่นไมโครเวฟรับ-ส่งสัญญาณแบบไร้สายจากดาวเทียม
3. มาตรฐานการควบคุมและการส่งผ่านข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Control/Internet Protocal) หมายถึง    มาตรฐานที่ใช้ควบคุมและกำหนดเงื่อนไขในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้แก่
3.1 มาตรฐานทีซีพี/ไอพี (TCP/IP : Transmission Control Protocal/Internet Protocal) เป็นโพรโตคอลมาตรฐานสำหรับรับ-ส่งข้อมูลของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3.2 มาตรฐานเฮชทีทีพี (HTTP : Hypertext transfer protocol) เป็นมาตรฐานสำหรับการสืบค้นข้อมูลชนิดไฮเปอร์เท็กซ์ (HTML) กำหนดและควบคุมวิธีการสื่อสาร ผ่านโปรแกรมสำหรับติดต่ออินเทอร์เน็ต หรือเบราว์เซอร์ (Browser) กับเครื่องแม่ข่ายหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server)
3.2 มาตรฐานเอฟทีพี (FTP : File Transfer Protocal ) เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการควบคุมและกำหนดวิธีการ โอนย้ายแฟ้มข้อมูล
4. โปรแกรมสำหรับติดต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Browser Program) ได้แก่โปรแกรมที่ใช้อ่านข้อมูลไฮเปอร์เท็กซ์ตามมาตรฐานเฮชทีเอ็มแอล (HTML) หรือเรียกว่าเบราว์เซอร์ เช่น Internet Explorer , Mozilla Firfox , Netscape Navigator และ Operaเป็นต้น เบราว์เซอร์ทำหน้าที่อ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เสมือนอ่านหนังสือทีละหน้า สามารถแสดงผลได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง และอื่น ๆ 
5. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือไอเอสพี (ISP : Internet Service Provider) หมายถึงหน่วยงาน หรือ องค์กร ผู้ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บุคคลทั่วไป โดยผู้ให้บริการแต่ละรายจะเป็นสมาชิกของเครือข่าย ระดับประเทศนั้น ๆ แล้วเชื่อมโยงไปยังประเทศต่าง ๆ  สำหรับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายสำคัญหรือรายใหญ่ที่สุด ของไทย คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย หรือ กสท.


บริการต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
          อินเทอร์เน็ต เป็นแหล่งที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจำนวนมาก ที่เราสามารถค้นคว้า และรับส่งข้อมูลไปมา ระหว่างกันได้ อินเทอร์เน็ตจึงมีประโยชน์สำหรับยุคสังคมและข่าวสาร ในปัจจุบันอย่างมาก อินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่ เหมือนห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ส่งข้อมูลที่เราต้องการมาให้ถึงบ้านหรือที่ทำงาน ภายในไม่กี่นาที จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก โดยจัดเป็นบริการในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
1.เวิลด์ไวด์เว็บ คือ บริการค้นหาและแสดงข้อมูลทุกประเภทบนอินเทอร์เน็ต ทั้งข้อความ เสียง วิดีโอ
2.จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมลล์ เป็นการติดต่อกันระหว่างกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3.การโอนย้ายข้อมูล หรือการดาวน์โหลด โดยการย้ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งมายังอีกเครื่องหนึ่ง
4.การสืบค้นข้อมูล เป็นบริการที่ใช้ค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความไปสืบค้น
5.กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ เป็นบริการกระดานข่าว สำหรับให้ผู้ใช้ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

มาตรฐานการสื่อสารด้านอินเทอร์เน็ต
โปรโตคอล (Protocol) คือตัวกลาง หรือภาษากลาง ที่ใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการสื่อสาร ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกัน ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ นับร้อยล้านเครื่องซึ่งแต่ละเครื่องมีความแตกต่างกัน ทั้งรุ่นและขนาดของคอมพิวเตอร์ ถ้าขาดโปรโตคอลก็จะไม่สามารถที่จะติดต่อสื่อสาร ให้เข้าใจกันได้ เพราะฉะนั้นโปรโตคอล ก็เปรียบเหมือนเป็นล่ามที่ใช้แปลภาษา ของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มาตรฐานนี้เรียกว่า TCP/IP การทำงานของ TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่จะส่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า แพ็คเก็ต (Packet) แล้วส่งไปตามเส้นทางต่าง ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยจะกระจายแพ็คเก็ตออกไปหลายเส้นทาง แพ็คเก็ตเหล่านี้ จะไปรวมกันที่ปลายทาง และถูกนำมาประกอบรวมกัน เป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้ง
ระบบไอพีแอดเดรส (IP Address) เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราจะต้องทราบที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น คอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP จะมีหมายเลขประจำเครื่องที่ไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก มีชื่อเรียกว่า ไอพีแอดเดรส ไอพีแอดเดรสจะมีลักษณะเป็นตัวเลข 4 ชุดที่มีจุด ( . ) คั่น เช่น 193.167.15.1 เป็นต้น ตัวเลขแต่ละชุด จะมีค่าได้ตั้งแต่ 0-255 คอมพิวเตอร์ ที่มีไอพีแอดเดรสเป็นของ ตัวเองและใช้เป็นที่เก็บเว็บเพจ เราเรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือโฮสต์ (Host) ส่วนองค์กรหรือผู้ควบคุมดูแลและจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส เราเรียกว่า อินเทอร์นิก (InterNIC)
โดเมนเนม (Domain Name)โดเมนเนม (Domain Name) เป็นระบบที่นำตัวอักษร ที่จำได้ง่ายเข้ามาแทนไอพีแอดเดรส ที่เป็นตัวเลข แต่ละโดเมนจะมีชื่อไม่ซ้ำกัน และมักจะถูกตั้งให้คล้ายกับชื่อของบริษัทหน่วยงาน หรือองค์กรของผู้เป็นเจ้าของ เพื่อความสะดวกในการจดจำชื่อ
โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server) ถึงแม้ระบบโดเมนเนม จะทำให้จดจำชื่อได้ง่าย แต่การทำงานจริง ของอินเทอร์เน็ต ก็จำเป็นต้องใช้ไอพีแอดเดรส อย่างเดิม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบ ที่จะทำการแปลงโดเมนเนม ไปเป็นไอพีแอดเดรส โดยจะต้องจัดการให้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ทำหน้าที่ในการแปลงโดเมนเนม ไปเป็นไอพีแอดเดรส เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้ จะถูกเรียกว่าโดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server) หรือ ดีเอ็นเซิร์ฟเวอร์ (DNS Server)

ประโยชน์
1.ด้านการเรียนทางไกล ที่การเรียนผ่านอินเทอรืดน็ตซึ่งปัจจุบันในมหาวิทยาลัยจะใช้กัน
2.ด้านความบันเทิง ใช้เป็นเหมือนการพักผ่อน ดูหนัง ฟังเพลง
3.ด้านการผ่อนคลาย เป็นการผ่อนคลายโดยการเล่นเกม หรือฟังเพลง
4.ด้านการสำรองข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การฝากไฟล์ไว้บนอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นการสำรองข้อมูล
5.ด้านการประชาสัมพันธ์ ที่เครือข่ายมีความกว้างสามารถที่จะประชาสัมพันธ์ได้ง่าย
6.ด้านการสืบค้นข้อมูล ใช้ในการศึกษาสิ่งที่ต้องการรู้